ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวคุกคามกรุงเทพฯ ทีมข่าวกีฬาของ "ผู้จัดการรายวัน" มีนัดกับหนุ่มฝรั่งเศสอดีตนักมวยไทยชื่อกระฉ่อนบนแผ่นดินยุโรป ที่ปัจจุบันผันตัวเองจากซูเปอร์สตาร์บนผืนผ้าใบสู่วงการบันเทิงอย่างไม่ขัดเขิน
ทันทีที่เราไปถึงโรงแรมคอนราร์ดฯ ก็ได้พบกับชายชาวต่างชาติผิวขาว รูปร่างเล็ก ทว่าดูแกร่งเกร็งไปด้วยกล้ามเนื้อที่สมส่วนภายใต้การแต่งตัวตามสบายในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูอ่อนๆบนเก้าอี้นั่งอย่างสบายอารมณ์ พร้อมด้วยสื่อมวลชนจากหลายสำนัก ที่รายล้อมเป้าหมายของเราอยู่ แน่นอนว่านี่แหละ "ดีด้า ไดเฟต" ที่เรามองหาอยู่
ทันทีที่ได้ทำความรู้จักกันผ่านล่ามสาวหน้าหวาน ดีด้า แสดงท่าทีเป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับกล่าว "สวัสดีครับ" เป็นภาษาไทยอย่างคุ้นลิ้น โดยอดีตนักชกหนุ่มวัย 37 ปีเล่าให้เราฟังถึงพรหมลิขิตอันเป็นจุดเริ่มต้นที่นำพามารู้จักกับ "มวยไทย" กีฬาที่เขารักอย่างแนบแน่นว่า
"ผมเป็นเด็กกำพร้าจากตอนเหนือของกรุงปารีสในฝรั่งเศส ต้องอาศัยอยู่กับคุณยาย แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดอะไรมากมายนัก การมีชีวิตเติบโตจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบจากย่านที่เปรียบเหมือนแหล่งเสื่อมโทรม ทำให้ผมมีชีวิตที่ผิดทางต้องเข้าไปอยู่ในคุก แต่เหมือนโชคชะตาลิขิตที่นั่นแหละทำให้ผมได้เกิดใหม่และรู้จักกับมวยไทย"
"วันหนึ่งระหว่างรับโทษมีเพื่อนร่วมคุกนำภาพถ่ายการชกมวยไทยในประเทศไทยให้ดู มันทำให้ผมรู้สึกทึ่งมากเลยทีเดียว ผมตกหลุมรักมวยไทยตั้งแต่แรกเห็น พอเพื่อนเล่าเรื่องราวต่างๆนานาที่เกี่ยวข้องกับกีฬาชนิดนี้ให้ฟัง ผมเริ่มมีความรู้สึกอยากมาเห็นและเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง"
จุดเริ่มต้นดังกล่าวนี่เองทำให้อดีตเด็กวัยรุ่นจอมเกเรวัย 18 ปี ตัดสินใจเก็บข้าวของจากบ้านเกิดเพื่อเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยาในเมืองไทย โดยจุดหมายแรกที่หัวใจของ ดีด้า นำพามาก็คือ "สนามมวยลุมพินี" ซึ่งเป็นจุดหมายเดียวที่หนุ่มน้อยในวันนั้นรู้จักเกี่ยวกับเมืองไทยนั่นเอง
"มันตื่นเต้นมากที่ได้มาดูมวยไทยที่เวทีลุมพินี นั่นเป็นที่แรกที่ผมต้องการจะไปในเมืองไทย ผมได้ดูนักชกทั้งสองฝ่ายบนเวทีกำลังออกอาวุธทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก เข้าใส่กันอย่างเมามัน โดยมีเสียงคนดูรอบสนามโห่ร้อง โอ้ว โอ้ว โอ้ว เป็นจังหวะ มันเรียกความรู้สึกคึกคักเร้าใจมาก ในบรรยากาศแบบนั้นมันทำให้เลือดผมสูบฉีดอย่างแรง เห็นแล้วก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างลืมตัวเลย กับการต่อสู้บนเวทีของจริงในวันนั้น"
ก้าวต่อไปที่ทำให้ ดีด้า นำพาตัวเองเข้าสู่ค่ายมวย "ส.เพลินจิต" ได้นั้น อดีตนักชกสายเลือดน้ำหอมกล่าวว่า
"ระหว่างที่ผมนั่งชมอยู่ในสนามมวยลุมพินี ผมไม่รู้จักใครเลย ผมมาคนเดียว และก็รู้ทันทีว่ามวยไทยนี่แหละคือสิ่งที่ต้องการ ตอนนั้นผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในที่นั่งอยู่ใกล้เวทีคนหนึ่ง มีคนเข้าไปยกมือไหว้เขามากมาย ผมก็เลยคิดว่าต้องเข้าไปรู้จักคนๆ นี้ให้ได้เลยไปดักรอเขาตรงทางออก จนผมได้พบกับเขา หรือคุณทองดี ที่เป็นเจ้าของค่ายมวยไทย "ส.เพลินจิต" ผมได้เข้าไปฝากตัวกับเขาและก็ได้ไปกินอยู่หลับนอนและเริ่มต้นฝึกซ้อมมวยไทยอยู่ที่นั่นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา"
คลังบทความของบล็อก
-
▼
2011
(44)
- ► กุมภาพันธ์ (11)
-
▼
มกราคม
(22)
- ส่ง "มวยไทย" เข้า ครม. หวังปูทางสู่ "ระดับโลก
- ดันรัฐตั้งสถาบันศิลปะการต่อสู้ของชาติก่อน "มวยไทย"...
- เทรนด์ใหม่... มวยไทยขึ้นห้าง
- กทม.ดันมวยไทยเป็นหลักสูตรสอนเด็กกรุง
- “Fairtex” ค่ายมวยใจกลาง RCA ปลุกกระแสมวยไทย...ใครก...
- “มวยไทยแอโรบิก” หมัด ศอก เข่า เตะ เพื่อคนรักสุขภาพ
- ามวยไฟเขียว ชิงแชมป์มวยไทย ครั้งแรกของโลก
- "เชษฐา" มั่นใจดันมวยไทยเข้าโอลิมปิก 2016
- ตุ๊กตาเรซิ่น แม่ไม้มวยไทย
- นักวิจารณ์มวยชื่อดังประจำบีบีซีลาโลก
- ทึ่งครูมวย 6 ขวบออกตระเวนสอน
- ดีด้า ไดเฟต "มวยไทยคือศิลปะอันงดงาม" (4)
- ดีด้า ไดเฟต "มวยไทยคือศิลปะอันงดงาม" (3)
- ดีด้า ไดเฟต "มวยไทยคือศิลปะอันงดงาม" (2)
- ดีด้า ไดเฟต "มวยไทยคือศิลปะอันงดงาม" (1)
- ISUZU หวัง THAI FIGHT นำ "มวยไทย" ผงาดโลก
- รักษ์ มวยไทย ในวิถีโปรโมเตอร์ต่างชาติ (1)
- บุกยิง เฮี้ยง มวยตู้ นักแทงมวยชื่อดัง
- มวยไทยศิลปะคู่บ้านสู่เวทีโลก (2)
- มวยไทยศิลปะคู่บ้านสู่เวทีโลก (1)
- กติกา เกมทายผลมวยไทย
- มวยไทยออนไลน์ เกมทายผลมวย อันดับ 1 เมืองไทย
วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น